การจัดการความรู้ KM
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลขามเปี้ย
ถอดบทเรียน : การดำเนินงานตำบลจัดการสุขภาพ “ดอนหมูโมเดล”
ตำบลขามเปี้ย
อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี
รุ่งโรจน์ ทีอุทิศ
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลขามเปี้ย
บทความเรื่องนี้
เป็นการถอดบทเรียนจากการดำเนินงานหมู่บ้านจัดการสุขภาพที่เป็นการบูรณาการรูปแบบการทำงานสุขภาพชุมชนของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งได้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรชุมชน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข
และโดยเฉพาะนักสุขภาพครอบครัว ข้อมูลที่นำมาสังเคราะห์มาจากการเก็บรวบรวมข้อมูล
ที่เน้นการถอดบทเรียนในพื้นที่ของบ้านดอนหมูตำบลขามเปี้ย อำเภอตระการพืชผล
ซึ่งผลจาการศึกษาพบว่า บ้านดอนหมู เป็นชุมชนเข้มแข็งที่มีทุนทางสังคมที่หลากหลาย
ดังนั้นการแก้ปัญหาชุมชน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาสุขภาพอนามัยชุมชน
จึงต้องนำทุนทางสังคมที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ข้อมูลที่ได้สะท้อนให้เห็นว่า แนวคิดของการพัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่มุ่งเน้นถึงการจัดบริการและการดูแลสุขภาพของประชากรกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่มวัย
มุ่งเน้นการสร้างเสริมสุขภาพควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิต
โดยมีวัดเป็นศูนย์กลางของการรวมกลุ่มของคนในชุมชน มีการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ของชุมชน เป็นศูนย์แห่งการส่งเสริมสุขภาพสำหรับคนกลุ่มวัยต่างๆ
เป็นศูนย์แห่งการสร้างรายได้ซึ่งนำมาซึ่งสุขภาวะที่ดีแก่คนในชุมชน
การพัฒนาชุมชนให้เป็นชุมชนแห่งการสร้างเสริมสุขภาพได้นั้น
พบว่ามีนักสุขภาพครอบครัวที่ปฏิบัติในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงและเป็นแบบอย่างในการทำงานด้านสุขภาพ
มีกลุ่ม อ.ส.ม.
เป็นขุมกำลังสำคัญในการทำงานด้านสุขภาพ โดยเฉพาะการให้บริการด้านการเฝ้าระวัง
ควบคุมป้องกันโรคไข้เลือดออก
ซึ่งเป็นโรคประจำท้องถิ่นของชุมชนและเป็นรูปแบบการทำงานที่แสดงให้เห็นความโดดเด่นในการทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็งของกลุ่ม
อ.ส.ม. อีกด้วย
การทำงานด้านสุขภาพร่วมกันระหว่างนักสุขภาพครอบครัวกับกลุ่มองค์กรชุมชน
ทำให้เกิดการพัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพชุมชนที่เน้นการแก้ปัญหาและความต้องการด้านสุขภาพของคนกลุ่มวัยต่างๆ
ในชุมชน โดยเฉพาะการออกแบบกิจกรรมการบริการด้านสุขภาพสำหรับกลุ่มประชากรวัยเรียนวัยรุ่น
ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่คนส่วนใหญ่ในชุมชนให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ
รวมถึงการออกแบบกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพสำหรับคนกลุ่มวัยต่างๆ
ที่ล้วนก่อให้เกิดกระบวนการพัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพของชุมชนในบ้านดอนหมู
ดังนั้นเพื่อก่อให้เกิดการเรียนรู้กระบวนการพัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพของชุมชนในบ้านดอนหมู
ซึ่งจะนำสู่การขยายผลเพื่อเป็นแบบอย่างให้แก่พื้นที่แห่งอื่นนั้น
คณะผู้วิจัยจึงได้ดำเนินการถอดบทเรียนกระบวนการพัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพชุมชนของพื้นที่ชุมชนในบ้านดอนหมู
โดยแบ่งการนำเสนอออกเป็น 5 ประเด็น ดังนี้
1. กระบวนการพัฒนาสุขภาพชุมชน การพัฒนาระบบสุขภาพชุมชนที่เน้นการแก้ปัญหาด้านสุขภาพอนามัย
และการมีระบบสุขภาพที่สนองตอบต่อความต้องการของประชากรทุกกลุ่มเป้าหมายของชุมชน
เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นจากการการเรียนรู้ร่วมกันของผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่
ซึ่งได้แก่ นักสุขภาพครอบครัว เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้นำชุมชน กลุ่มองค์กรชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) และประชาชนในพื้นที่ แนวคิดในการพัฒนาสุขภาพชุมชน คือ
การทำงานที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เน้นการเข้าถึงข้อมูลที่สะท้อนให้เห็นปัญหาด้านสุขภาพของคนในพื้นที่และปัญหาสุขภาพซึ่งเป็นปัญหาเฉพาะของประชากรกลุ่มวัยต่างๆ
ตลอดจนวิธีการทำงานที่เน้นการทำงานเชิงรุก
แบบมีส่วนร่วมในทุกระดับของชุมชน
กระบวนการพัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพชุมชน มีขั้นตอนการดำเนินการซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนที่สำคัญ
คือ
1) การกำหนดกลุ่มเป้าหมายของการพัฒนาสุขภาพชุมชน พบว่า
การดำเนินการพัฒนาสุขภาพชุมชนให้ความสำคัญกับการให้บริการดูแลสุขภาพของประชากรทุกกลุ่มวัย
ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรเป้าหมายหลักตามชุดสิทธิประโยชน์ ซึ่งได้แก่กลุ่ม
WECANDO กลุ่มเด็กวัย 0-6
ปี กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน กลุ่มสตรี กลุ่มวัยแรงงาน
และกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส
2) การปฏิบัติการเพื่อการพัฒนาสุขภาพชุมชน ซึ่งประกอบด้วยกระบวนการที่สำคัญ 4 กระบวนการ คือ
หนึ่ง การค้นหาทุนทางสังคม
สอง การพัฒนาศักยภาพของผู้ร่วมกระบวนการ
สาม การกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาสุขภาพชุมชน และ
สี่ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนาสุขภาพชุมชน
2. เป้าหมายของการดูแลสุขภาพชุมชน
2.1 กลุ่มประชากรเป้าหมาย กลุ่มประชากรเป้าหมายที่สำคัญในการพัฒนาระบบสุขภาพชุมชนให้เป็นชุมชนแห่งการสร้างเสริมสุขภาพ
สะท้อนให้เห็นว่า กลุ่มประชากรทุกกลุ่มตามชุดสิทธิประโยชน์ ซึ่งได้แก่ 1) กลุ่มเด็กวัย 0-6 ปี 2) กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน
3) กลุ่มสตรี 4) กลุ่มวัยแรงงาน
และ 5) กลุ่มผู้สูงอายุ
ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส ล้วนเป็นประชากรกลุ่มเป้าหมายของการพัฒนาระบบการบริการดูแลสุขภาพของชุมชนทั้งสิ้น
2.2 ประเด็นหรือปัญหาสุขภาพ ในการพัฒนาระบบสุขภาพชุมชนสำหรับกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่มวัยนั้น
จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการพัฒนาระบบสุขภาพ
จะต้องเรียนรู้ถึงประเด็นปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นกับคนในพื้นที่
ข้อมูลจากการถอดบทเรียนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการพัฒนาสุขภาพชุมชนชี้ให้เห็นว่า
ประเด็นหรือปัญหาสุขภาพของพื้นที่แบ่งได้ 2 ลักษณะ คือ
1) ปัญหาสุขภาพที่เป็นปัญหาเฉพาะของพื้นที่ ซึ่งได้แก่
ปัญหาโรคไข้เลือดออกซึ่งถือเป็นโรคประจำท้องถิ่น
ปํญหาการใช้สารเคมีในการเพาะปลูกพืช เป็นต้น
2) ปัญหาสุขภาพหรือความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับประชากรในกลุ่มวัยต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นกับกลุ่มประชากรวัยเด็ก
อาทิเช่น โรคอ้วน ปัญหาเด็กติดเกมส์ เป็นต้น กลุ่มผู้สูงอายุ ได้แก่ โรคเรื้อรัง
(เบาหวาน ความดันโลหิตสูง) กลุ่มสตรีวัยเจริญพันธุ์ ได้แก่ โรคมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งเต้านม เป็นต้น
2.3 ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมจากกระบวนการพัฒนาสุขภาพชุมชน สะท้อนให้เห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทั้งในส่วนของผลลัพธ์เชิงระบบ
ที่ก่อให้เกิดการพัฒนาระบบบริการสุขภาพแก่ประชากรในกลุ่มวัยต่างๆ การพัฒนาระบบการทำงานของกลุ่มผู้ให้บริการ เกิดผลลัพธ์ในส่วนของการพัฒนาศักยภาพคนที่เกี่ยวข้องตลอดกระบวนการ
และที่สำคัญก่อให้เกิดการพัฒนาวิธีการทำงาน แนวปฏิบัติ ตลอดจนเครื่องมือในการทำงาน
3. กลไก
วิธีการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการดูแลสุขภาพอย่างรูปธรรม
3.1 กระบวนการหาและใช้ทุนทางสังคมในการสร้างการมีส่วนร่วมกับองค์กรภาคี
กลุ่มคนที่เกี่ยวข้อง ข้อค้นพบจากการศึกษาชี้ให้เห็นว่า
พื้นที่ในบ้านดอนหมูมีการนำทุนทางสังคมทั้งหมดที่มีอยู่ในพื้นที่มาใช้ในการพัฒนาระบบสุขภาพและสร้างระบบการดูแลคนกลุ่มวัยต่างๆ
ของชุมชน โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ
การสร้างและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชากรในพื้นที่
ตัวอย่างทุนทางสังคมที่ปรากฏในพื้นที่ มีดังนี้ ซึ่งได้แก่
การมีกลุ่มอสม.ที่เข้มแข็งเป็นฐานและเป็นขุมกำลังในการทำงานด้านสุขภาพ การใช้บ้าน
วัด โรงเรียน และศูนย์การเรียนรู้ชุมชน เป็นกลไกหลักในการพัฒนาชุมชน
ตลอดจนการจัดให้มีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการทำงานด้านสุขภาพระหว่างเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกับองค์กรภาคี
3.2 กระบวนการค้นหา
เลือกใช้ ข้อมูล/ความรู้ ที่เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ แนวทางการจัดการดูแลสุขภาพ
จากการศึกษากระบวนการค้นหา
เลือกใช้ข้อมูล/ความรู้เพื่อการพัฒนาระบบสุขภาพชุมชนนั้น พบว่า
มีขั้นตอนหรือกระบวนการที่สำคัญคือ
1) การค้นหาข้อมูล/การสร้างข้อมูล ซึ่งได้แก่ ข้อมูลประชากร
ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับอัตราการเกิด อัตราตาย และอัตราการเจ็บป่วย
ภาวะสุขภาพของประชาชน
โรคและปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นในลักษณะของโรคและปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นในแต่ละกลุ่มวัย
และโรคหรือปัญหาสุขภาพที่เป็นปัญหาเฉพาะพื้นที่ เป็นต้น
ข้อมูลเกี่ยวกับทุนทางสังคมของพื้นที่ ซึ่งได้แก่ แหล่งประโยชน์ของชุมชน
การรวมกลุ่มเครือข่าย/สมาชิกของกลุ่มต่างๆ ในชุมชน ปราชญ์หรือผู้รู้ของชุมชน
ทรัพยากรทางธรรมชาติที่มีอยู่ในชุมชน เป็นต้น
2) การสื่อข้อมูล พื้นที่ชุมชนในบ้านดอนหมูมีวิธีการสื่อข้อมูลใน
2 ลักษณะ คือ หนึ่ง การสื่อสารข้อมูลที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แบบไม่เป็นทางการ ซึ่งได้แก่ การพูดคุยในวิถีชีวิตประจำวัน
การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในกลุ่มอาชีพ กลุ่มที่ทำงานร่วมกัน สอง การสื่อสารข้อมูลในลักษณะที่เป็นแบบทางการ
ซึ่งได้แก่ การทำประชาคมหมู่บ้าน การจัดประชุมอสม.ประจำเดือน การเข้าร่วมประชุม
อบรม สัมมนาในเวทีต่างๆ การศึกษาดูงานพื้นที่ต้นแบบ
รวมถึงการเรียนรู้ผ่านช่องทางสื่อต่างๆ เช่น วิทยุชุมชน หอกระจายข่าว
เอกสารวิชาการต่างๆ เป็นต้น และ
3) การใช้ข้อมูล เป็นขั้นตอนสุดท้ายในการนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน
โดยเฉพาะการนำข้อมูลด้านต่างๆ
ไปใช้เพื่อการพัฒนาการจัดบริการดูแลประชาชนกลุ่มเป้าหมาย
3.3 กระบวนการออกแบบวิธีการ กิจกรรมการทำงานที่เป็นรูปธรรม พบว่า กระบวนการออกแบบวิธีการทำงานมีกระบวนการที่สำคัญ คือ
1)การใช้ข้อมูลปัญหาและความต้องการด้านสุขภาพของชุมชนเป็นตัวตั้ง
2)การระดมทุนทางสังคมที่มีอยู่มาใช้ให้เต็มศักยภาพ
3)การพัฒนาศักยภาพผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องตลอดกระบวนการ
4)การติดอาวุธทางปัญญาด้วยการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของผู้ร่วมกระบวนการ
5)การออกแบบวิธีการ
กิจกรรมการทำงานที่สนองตอบต่อปัญหาและความต้องการของพื้นที่
3.4 กระบวนการพัฒนากติกา ข้อตกลง หรือนโยบายในระดับพื้นที่ จากปัญหาและความต้องการด้านสุขภาพของประชากรกลุ่มเป้าหมายหลักของชุมชน
นำสู่การพัฒนากติกา ข้อตกลง
หรือการจัดทำนโยบายระดับพื้นที่เพื่อให้เกิดการดูแลสุขภาพ พบว่า
กระบวนการพัฒนากติกา ข้อตกลง หรือแนวทางการทำงาน
ของผู้ที่เกี่ยวข้องในชุมชนในบ้านดอนหมู มีขั้นตอนที่สำคัญ คือ
1) การค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นปัญหาสุขภาพของพื้นที่
กลุ่มเป้าหมายหลักของชุมชน
2) การเปิดโอกาสให้มีการแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นปัญหาที่กลุ่มให้ความสนใจ
3) การค้นหาแนวทาง ทางออกในการแก้ปัญหา
โดยการนำทุนทางสังคมที่มีมาใช้ในการ
แก้ปัญหา
4) การแลกเปลี่ยนเรียนรู้
และใช้การมีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันพัฒนา ข้อตกลงแผนการดำเนินการ
เพื่อการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น
5) ผลจากการพัฒนาข้อตกลง
แนวทางการดำเนินการ อาจนำสู่การแก้ปัญหาอย่างเป็น ระบบ
แบบบูรณาการโดยกำหนดและจัดทำเป็นแผนสุขภาพชุมชน หรือโครงการ/ แผนกิจกรรม
4. บทบาทหน้าที่ขององค์กรและภาคีที่เกี่ยวข้องกระบวนการพัฒนาระบบสุขภาพชุมชนมีองค์กรที่เกี่ยวข้องตลอดกระบวนการ
ซึ่งได้แก่องค์กร/ภาคีที่เกี่ยวข้อง บทบาทหน้าที่/กิจกรรม
สถานบริการสุขภาพในพื้นที่ รพ.สต.ขามเปี้ย
= การเป็นผู้พัฒนาระบบบริการที่เน้นการพัฒนาระบบฐานข้อมูลสุขภาพชุมชน
เป็นแหล่งข้อมูล
= เป็นผู้เชื่อมประสานทั้งในส่วนของประชาชนผู้รับบริการและผู้ที่เกี่ยวข้องในการดูแลสุขภาพ
= เป็นผู้ให้การสนับสนุน
(แนวคิดเชิงวิชาการ เครื่องมืออุปกรณ์)
= ออกแบบและจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ
กิจกรรมเฝ้าระวังและควบคุมป้องกันโรค
= พัฒนาศักยภาพผู้เที่เกี่ยวข้อง
เช่น อสม.
= ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเวทีประชาคม
= เป็นพี่เลี้ยงในการทำงานสุขภาพชุมชน
= ร่วมจัดทำแผนสุขภาพ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบต.)
= สนับสนุนงบประมาณ
ดำเนินการจัดตั้งศูนย์/เครือข่ายการเรียนรู้
= ประชาคม เสนอความคิดเห็น
= สนับสนุนเครื่องมือ อุปกรณ์
กำลังคน
= ร่วมจัดทำแผนสุขภาพ/แผนแม่บทชุมชน
= ประสานความร่วมมือ
กลุ่ม/เครือข่ายต่างๆ
= ร่วมเสนอความคิดเห็นในเวทีประชาคม
= ประชาสัมพันธ์แบบคนต่อคน
แบบบอกต่อ
= ออกแบบกิจกรรม วางแผน จัดทำแผนกิจกรรมกลุ่มอสม.
= ร่วมดำเนินงานสุขภาพ เช่น คัดกรอง
เยี่ยมบ้าน พ่นยา ให้คำแนะนำ
= ร่วมเวทีประชาคม
= ประชาสัมพันธ์
= สนับสนุนการดำเนินงาน
กิจกรรมต่างๆ
วัด/เจ้าอาวาส
= สนับสนุนสถานที่จัดกิจกรรม
= ให้คำแนะนำ ประสานความร่วมมือ
= สนับสนุนงบประมาณ (ผ้าป่า)
โรงเรียน/ครู
= สถานที่จัดกิจกรรม
= ร่วมออกแบบการจัดบริการ
= ให้ความร่วมมือ แนะนำ ติดตาม
และร่วมประเมินผล
5. เงื่อนไขแห่งความสำเร็จของการออกแบบการพัฒนาสุขภาพชุมชน
พบว่า
เงื่อนไขและปัจจัยของความสำเร็จในการพัฒนาระบบสุขภาพชุมชนที่นำไปสู่การสร้างเสริมสุขภาพชุมชน
ใน 2 ประเด็นหลัก
ได้แก่
1.การสร้างเสริมสุขภาพโดยอาศัยความต้องการของชุมชนเป็นตัวตั้ง เกิดจากความต้องการที่จะจัดการกับปัญหาสุขภาพ
ความต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนและสิ่งแวดล้อมก่อให้เกิดแรงผลักดันที่ต้องการที่จะให้ตนและชุมชนมีความผาสุก
สะท้อนให้เห็นจากกิจกรรมและโครงการต่างๆที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่ผ่านจากการกลั่นกรองจากความคิดของประชาคมเพื่อจะตอบสนองปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของประชาชน
2) การสร้างและพัฒนาความเข้มแข็งของเครือข่ายการสร้างเสริมสุขภาพ โดยมีวิธีการออกแบบการทำงานที่ต้องอาศัยบุคคลากรหลายฝ่ายทั้งสถานบริการสุขภาพในพื้นที่
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน
กลุ่ม อสม. ประธานกลุ่ม/เครือข่ายต่างๆ แกนนำชุมชน
ที่ต้องมีส่วนร่วมตั้งแต่การวิเคราะห์สภาพปัญหาชุมชน
การค้นหาทุนทางสังคมที่มีอยู่และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการแก้ปัญหาชุมชน
นักสุขภาพครอบครัวกับการพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน: นักสุขภาพครอบครัวคือกลไกหลักแห่งความสำเร็จ
ในการพัฒนาระบบสุขภาพชุมชนให้เป็นชุมชนแห่งการสร้างเสริมสุขภาพและมุ่งเน้นการดูแลแบบบูรณาการที่หลอมรวมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
นักสุขภาพครอบครัวคือกลไกสำคัญที่ทำให้เกิดการพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพชุมชน
นักสุขภาพครอบครัวสามารถร่วมสร้างสรรค์ สนับสนุน
และสามารถปฏิบัติงานตามบทบาทหน้าที่ของนักสุขภาพครอบครัวในงานสุขภาพปฐมภูมิ
โดยมีสมรรถนะของการทำงาน ดังนี้
1) พัฒนาการเข้าถึงการดูแลด้านสุขภาพ
โดยให้บริการด้านสุขภาพที่ครอบคลุม
ตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการของประชาชนในชุมชน
2) มีความไวเชิงวัฒนธรรม
ไวต่อสถานการณ์ ประเด็นปัญหาด้านสุขภาพ พร้อมทั้งทำความเข้าใจต่อปัญหาสุขภาพ
ความต้องการด้านสุขภาพของประชาชนในชุมชน
รวมถึงสามารถวิเคราะห์หาปัจจัยที่เป็นต้นเหตุและเป็นแนวทางแห่งการแก้ปัญหา
3) ออกแบบการบริการดูแลที่ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายหลักทุกกลุ่มของชุมชน
โดยนำปัญหาและความต้องการของคนในชุมชนเป็นตัวตั้ง
นักสุขภาพครอบครัวเป็นบุคคลสำคัญที่สามารถให้คำแนะนำแก่ประชาชนเพื่อให้เกิดการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาวะ
เน้นการส่งเสริม ป้องกัน และฟื้นฟูสภาพของบุคคล ให้มีวิถีชีวิตที่เหมาะสม
ดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข
4) ปรับปรุงวิธีการทำงานและมีใจยินดีตอบรับกับการเรียนรู้ประเด็นปัญหาสุขภาพใหม่ๆ
ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา อาทิเช่น
ปรับปรุงวิธีการเฝ้าระวังโรคที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงจากการย้ายถิ่น
การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การพร้อมรับมือกับภัยพิบัติ
การบาดเจ็บและอุบัติเหตุ เป็นต้น
5) ให้ความสำคัญกับการพิทักษ์สิทธิ
เน้นความเสมอภาคของผู้รับบริการทุกคน
6) กระตุ้นให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ประสบการณ์ ข้อมูลสุขภาพ ระหว่างองค์กรวิชาชีพกับองค์กรอื่นๆ
7) มุ่งเน้นการแก้ปัญหาสุขภาพโดยการทำวิจัยที่สนับสนุนงานด้านการพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน
รวมถึงการเผยแพร่งานวิจัยแก่ผู้อื่น และการนำผลการวิจัยมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนางาน
8) เน้นการทำงานแบบมีส่วนร่วมของภาคีที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน
การทำงานแบบหุ้นส่วนที่เชื่อมร้อยเครือข่ายที่มีอยู่ในชุมชน
9) ปฏิบัติงานโดยใช้กระบวนการค้นหาและใช้ทุนทางสังคมที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชน
10) พัฒนาทักษะการสื่อสารทางสังคม
โดยเฉพาะการพัฒนาให้ชุมชนเป็นพื้นที่/ศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้เรื่องระบบสุขภาพชุมชน
นักสุขภาพครอบครัวจะต้องเปิดช่องทางการสื่อสารในรูปแบบต่างๆ เพื่อสื่อความรู้สู่ชุมชน
เช่น การจัดเวทีชาวบ้าน เวทีประชาคมหรือเวทีสาธารณะในชุมชน
การจัดประชุมวิชาการ/อบรม เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ร่วมกระบวนการพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน
เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น